“จัดห้องพระดี” จะเป็นสิริมงคลแก่บ้าน

จัดห้องพระดี เป็นสิริมงคลแก่บ้าน

 

จัดห้องพระดี จะเป็นสิริมงคลแก่บ้าน

ห้องพระ เป็นอีกห้องหนึ่งที่จะต้องนำมาพิจารณากัน ถ้าบ้านหลังนั้นมีห้องพระ บางบ้านอาจจะไม่มีห้องพระก็ได้ อาจทำแค่หิ้งพระเล็กๆ แทน ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่ความต้องการของเจ้าของบ้านเป็นหลักการกำหนดห้องพระให้อยู่ส่วนไหนของบ้านนั้น มีหลักเกณฑ์อยู่หลายประการ แต่ต้องบอกเอาไว้ก่อนว่า เรื่องห้องพระเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อาจใช้หลักเหตุผลอย่างเดียวมาวิเคราะห์ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของจิตวิญญาณที่หาคำอธิบายได้ยาก

 

1. ห้องพระ ชั้นบนดีกว่าชั้นล่าง ไม่ควรต่ำกว่าห้องอื่น

 

ห้องพระ อยู่ชั้นบนดีกว่าชั้นล่าง

 

การวางผังบ้าน ห้องพระควรเอาไว้ชั้นบนสุด ไม่ว่าบ้านจะมี่กี่ชั้นก็ตาม เพราะพระเป็นที่สักการะบูชาเป็นของสูง การวางต่ำกว่าคนในบ้าน ย่อมไม่เป็นสิริมงคลแน่ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะวางห้องพระชั้นล่างไม่ได้ เพียงแต่ การหาตำแหน่งในการวางห้องพระค่อนข้างจะยาก และการวางห้องพระชั้นล่างจะมีข้อจำกัดมากมาย เพราะชั้นล่างจะเต็มไปด้วยห้องรับแขก ห้องครัว ห้องอาหาร ห้องส้วม นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาว่า ห้องชั้นบนที่ตรงกับห้องพระชั้นล่างเป็นห้องอะไร ถ้าเป็นห้องส้วมห้องนอนก็ถือว่าห้ามไม่ควรทำ บ้านที่เอาห้องพระไว้ชั้นล่าง ชั้นบนที่ตรงกับห้องพระจะต้องเป็นห้องว่าง ไม่มีคนอยู่ถึงจะใช้ได้ หากเป็นบ้านเล่นระดับ ห้องพระจะต้องเลือกวางในตำแหน่งที่สูงกว่าห้องอื่นๆ โดยเฉพาะห้องที่มีคนอยู่ เพราะโดยหลักแล้วคนห้ามนอนสูงกว่าพระ แต่ถ้าห้องที่สูงกว่าไม่มีคนอยู่ เช่น ห้องเก็บของ ก็จะอนุโลมให้ทำห้องพระได้

 

2. ห้องพระ ห้ามติดกับห้องส้วม

 

ห้องพระ ห้ามติดกับห้องส้วม

 

เหตุผลในเชิงฮวงจุ้ยบอกว่าห้องส้วมเป็นธาตุน้ำ ห้องพระเป็นธาตุไฟ ตามกฎปัญจะธาตุ(5ธาตุ) ธาตุน้ำพิฆาตธาตุไฟ บ้านที่วางเอาห้องพระติดกับห้องส้วม พลังของธาตุน้ำบั่นทอนธาตุไฟ ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระจะเสื่อมลง เพราะฉะนั้น ควรหลีกเลี่ยงการวางห้องพระติดกับห้องส้วม ถ้ามีความจำเป็นจะต้องวางติดกัน ก็ไม่ควรวางองค์พระพิงผนังห้องส้วม และควรหาตู้มาพิงด้านที่เป็นกำแพงห้องส้วมเอาไว้ ก็จะถือว่าใช้ได้

 

3. ห้องพระ ต้องอยู่ในทำเลที่สงบ

 

ห้องพระ ควรอยู่ทำเลที่สงบ

 

ห้องพระต้องการความสงบนิ่ง พิจารณาดูพื้นที่บ้านว่ามีมุมไหนที่เป็นมุมสงบ ไม่พลุกพล่าน ไม่อยู่ในตำแหน่งที่วุ่นวาย ไม่ควรติดกับห้องที่มีเสียงดังจากทีวี วิทยุ ไม่ควรติดกับห้องรับแขกที่มีเสียงคุยกัน ไม่ควรติดกับห้องครัวนอกจากมีเสียงทำกับข้าวแล้วยังมีกลิ่นมารบกวนความสงบอีกด้วย เพราะฉะนั้นการเลือกวางห้องพระเอาไว้ชั้นบนน่าจะหามุมสงบได้ง่ายกว่าเพราะจะมีแต่ห้องนอนเป็นส่วนใหญ่

 

4. ห้องพระ ติดห้องนอน

 

ห้ามหันปลายเตียง ไปทางห้องพระ

 

กรณีที่วางตำแหน่งห้องพระติดกับห้องนอนจะต้องพิจารณาเรื่องการวางเตียงนอนเป็นสำคัญ ตำแหน่งเตียงนอน ควรวางในลักษณะที่ขวางกับห้องพระ กรณีที่เอาหัวเตียงไปที่ห้องพระ ต้องพิจารณาว่าถ้าตำแหน่งขององค์พระหรือโต๊ะหมู่บูชาไม่ติดกับหัวเตียงสามารถวางได้ แต่ถ้าติดกันจะถือว่าเสียเพราะจะทำให้ปวดหัวได้ง่าย นอนไม่ค่อยหลับ เนื่องจากได้รับอิทธิพลของธาตุไฟ ห้ามวางเอาปลายเตียงหันไปที่ห้องพระ เพราะคนนอนจะเอาเท้าหันไปที่ห้องพระซึ่งถือว่าไม่เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เป็นสิริมงคลกับคนที่นอน 

“ห้องพระควรวางหน้าบ้านจริงหรือไม่” เรื่องการวางห้องพระ หน้าบ้านหรือหลังบ้านนั้น ในตำราฮวงจุ้ยไม่ได้ระบุเอาไว้ซัดเจน เพียงแต่บอกว่า ตำแหน่งหน้าคือ”โชคลาภ” ตำแหน่งหลังคือ “บารมี” และส่วนใหญ่ก็มักจะวางห้องพระไว้ส่วนด้านหลังมากกว่าด้านหน้าของบ้าน ซึ่งเหตุผลก็คงเป็นเรื่องของความนิ่งสงบมากกว่าบริเวณหน้าบ้านที่ค่อนข้างจะพลุกพล่าน แต่ถ้ามองตามหลักฮวงจุ้ย การวางห้องพระด้านหลังก็น่าจะเหมาะสมกว่า เพราะด้านหลัง แทนความหมายของ “บารมี” นอกจากนี้ด้านหลังตามหลักชัยภูมิ ก็มีสภาพเป็น “หยิน” คือ นิ่ง ถือเป็นชัยภูมิที่ถูกต้อง (หน้าเป็น”หยาง” คือ เคลื่อนไหว)

เกณฑ์ในการวางตำแหน่งห้องพระในบ้าน ความจริงแล้วก็ยังมีเรื่องของทิศและตำแหน่งของดวงดาวที่จะต้องนำมาพิจารณาด้วย แต่ควรต้องเอาชัยภูมิให้ได้เสียก่อน เพราะเรื่องทิศและเรื่องของดาวยังเป็นเรื่องรองและยังเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนพอสมควร ต้องวัดกันเป็นองศา ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยจึงจะดีที่สุดครับ..

หากใครที่ชอบบทความนี้ ก็อย่าลืมกด Share ไปให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เพื่อที่จะได้จัดตำแหน่งห้องพระให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย เพื่อเสริมสิริมงคลให้แก่บ้านกันนะครับ ^^